ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของการทำสัญญาจ้างบริษัทรับเหมาก่อสร้าง คือ ผู้รับเหมาทิ้งงานกลางคัน ติดต่อก็ไม่ได้ จะเรียกร้องให้มารับผิดชอบก็ต้องฟ้องร้องกันไป แต่ก็ต้องใช้เวลานานมากกว่าจะดำเนินการเสร็จสิ้น ดังนั้นเพื่อไม่ให้ปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้น เราจึงมีคำแนะนำก่อนทำสัญญาบริษัทรับเหมาก่อสร้างยังไงให้เสี่ยงน้อยที่สุดมาให้ลองอ่านทำความเข้าใจเพื่อเตรียมพร้อม
เซ็นสัญญาบริษัทรับเหมาก่อสร้างยังไงให้เสี่ยงน้อยสุด
สิ่งที่ต้องทำ คือ การดำเนินการก่อนเซ็นสัญญา โดยสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ มีดังต่อไปนี้
1. เลือกบริษัทที่มีการระบุวัน เวลาก่อสร้างอย่างชัดเจน
สำหรับระยะเวลาพบเห็นได้บ่อย ๆ คือ ในช่วง 15 – 30 วันผู้รับเหมาต้องทำการเจาะเสาเข็มเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และต้องพร้อมก่อสร้างภายใน 60 วัน นับจากวันทำสัญญา และเสร็จแล้วเสร็จภายใน 12 เดือน นับจากวันเจาะเสาเข็ม หากไม่มีการดำเนินการใด ๆ ที่กล่าวไปข้างต้น เราควรมีสิทธิ์ยกเลิกสัญญาได้
2. คิดเผื่ออนาคต
หากไม่แน่ใจเรื่องแบบแปลนบ้าน หรือคิดว่าอาจต้องมีการปรับเปลี่ยนในอนาคต ซึ่งเป็นสิทธิ์ที่เจ้าของบ้านสามารถขอกับทางบริษัทรับเหมาได้ โดยเตรียมความพร้อม ดังนี้
- จัดทำเอกสารหรือหนังสือไว้เป็นหลักฐาน เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ เกิดขึ้น
- มีการกำหนดระยะเวลาอย่างชัดเจนว่าจะยืดระยะเวลาการก่อสร้างให้ยาวขึ้นหรือสั้นลง
- มีใบแสดงรายละเอียดปริมาณวัสดุและราคาอย่างชัดเจน เพื่อใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงเวลาปรับหรือลดเพิ่มรายการต่าง ๆ
3. สังเกตรายละเอียดของวัสดุและเอกสารแนบท้ายสัญญา
บางคนที่มองข้ามรายละเอียดในส่วนนี้ อาจต้องเผชิญกับปัญหาบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างแอบลดสเปคหรือลดจำนวนวัสดุก่อสร้าง ดังนั้นสิ่งที่ควรทำ คือ ทำการตรวจสอบเปรียบเทียบกับบัญชีแสดงรายการปริมาณวัสดุที่ใช้ก่อสร้าง โดยแนบเป็นเอกสารแนบท้ายสัญญาผูกพันเพิ่มเติม
นอกจากนั้น ยังต้องแนบรายละเอียดทางด้านสถาปัตยกรรมแบบแปลนบ้าน แบบทางด้านโครงสร้าง แบบทางด้านระบบไฟฟ้า แบบระบบสาธารณูปโภค และหนังสือรับรองบริษัทถือบัตรประชาชนของผู้รับเหมาด้วย
4. หากการก่อสร้างล่าช้าสามารถปรับได้
หากเจ้าของบ้านพบว่าการก่อสร้างไม่เสร็จตามสัญญาต้องมีการกำหนดค่าปรับระบุไว้ในสัญญาอย่างชัดเจน ซึ่งมีการเสียค่าปรับหลายรูปแบบ อาจปรับโดยใช้ % ของค่างวดงานที่ยังไม่เสร็จ โดยทั่วไปเริ่มต้นที่ 0.01 – 0.05% หรือปรับเป็นรายวัน 6,000 – 2,000 บาท
วิธีแก้ไขปัญหาเผื่อเกิดเจอกรณีฉุกเฉิน เช่น เงินไม่พอสำหรับจ่ายผู้รับเหมา
สิ่งที่ต้องเผชิญ ได้แก่
- ผู้รับเหมาเรียกดอกเบี้ยผิดนัด 15% ต่อปีของเงินก้อนที่ค้างชำระ
- ผู้รับเหมามีสิทธิ์หยุดงานก่อสร้างและยกเลิกสัญญา
- ผู้รับเหมาสามารถยืดเวลาการทำงาน ซึ่งจัดระบุไว้ในสัญญาว่าสิ่งปลูกสร้างที่ทำขึ้นจะยังไม่ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าของบ้าน แต่เป็นของผู้รับเหมา
การเซ็นสัญญารับเหมาก่อสร้างนั้นเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ เพราะถือเป็นหลักฐานที่จะนำไปใช้ในการยืนยันคุณภาพงานและสร้างความได้เปรียบ พร้อมลดความเสี่ยงผลกระทบที่ตามมาในภายหลัง ซึ่งในปัจจุบันยังไม่มีการกำหนดให้สัญญารับเหมาก่อสร้างเป็นสัญญาควบคุม ดังนั้นยิ่งต้องให้ความสำคัญในเรื่องนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้รับเหมาทิ้งงานหรือเสียเปรียบ